เลือกอ่านตามหัวข้อ
บัตรกดเงินสดเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลรูปแบบหนึ่งที่ให้วงเงินไว้สำหรับเบิกถอนเงินสด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เงินสดเมื่อมีรายจ่ายที่ไม่คาดฝันหรือมีเงินสำรองไว้ติดตัว และบางบัตรก็สามารถใช้ผ่อนชำระสินค้าได้ด้วย ทั้งนี้ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจสมัครบัตรกดเงินสด คุณจำเป็นต้องทราบก่อนว่าหน้าที่ของบัตรกดเงินสดมีอะไรบ้าง เพื่อการใช้งานอย่างถูกจุดประสงค์ รวมไปถึงวิธีคิดอัตรดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดว่าคิดอย่างไร เพื่อจะได้ใช้จ่ายอย่างถูกต้อง และสามารถบริหารจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
สำหรับบัตรกดเงินสดนั้น หลักๆ แล้วจะมีหน้าที่อยู่ 3 อย่าง คือ
- ใช้สำหรับเบิกถอนเงินสด
- ใช้สำหรับเบิกถอนเงินเพื่อชำระสินค้าหรือบริการต่างๆ
- ใช้สำหรับเบิกถอนเงินเพื่อผ่อนสินค้าหรือบริการต่างๆ
ทั้งนี้ การคิดอัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดจะเป็นประเภท “ลดต้นลดดอก” (Effective Rate) โดยดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจะไม่เกิน 25% ต่อปี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงินกำหนด ซึ่งดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดนั้น คือ ดอกเบี้ยที่คิดจากเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวด หากมีการผ่อนชำระในแต่ละเดือนแล้ว ดอกเบี้ยที่ต้องชำระในงวดถัดไปก็จะลดลง ทำให้ค่างวดผ่อนในแต่ละงวดจะไม่เท่ากัน
ทั้งนี้ อาจมีการคิดค่าธรรมเนียมการกดเงินสดหรือการใช้บัตรเพิ่มเติมด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารกำหนด
ซึ่งในกรณีที่สามารถชำระเงินต้นที่กดออกไปใช้ พร้อมดอกเบี้ยได้ครบ จบ ตรงตามเวลา ก็จะไม่เกิดปัญหาแต่อย่างใด แต่หากคุณชำระไม่ครบ จำเป็นต้องทราบก่อนว่าดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดนั้นมีผลต่อค่าใช้จ่ายรายเดือนค่อนข้างมากทีเดียว เพราะอย่างที่บอกไปว่าดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดจะถูกคำนวณจากยอดเงินต้นคงค้าง ซึ่งก็คือยอดเงินต้นที่ยังไม่ได้มีการชำระคืนนั่นเอง
ดังนั้น หากต้องการลดค่าใช้จ่ายรายเดือนจากการผ่อนชำระหนี้ ควรพยายามชำระคืนเงินต้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ยอดเงินต้นคงค้างเหลือน้อยมากที่สุด แล้วดอกเบี้ยที่ต้องชำระก็ลดลงตามไปด้วย เพราะฉะนั้นก่อนสมัครบัตรกดเงินสด ควรศึกษาเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างรอบคอบ โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยต่อปี ค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสด ค่าธรรมเนียมการชำระล่าช้า และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทำอย่างไรเมื่อไม่สามารถชำระหนี้บัตรกดเงินสดได้ตามเวลา
หากไม่สามารถชำระหนี้บัตรกดเงินสดด้วยการปิดยอดทั้งหมดได้ตามเวลา แนะนำให้จ่ายยอดขั้นต่ำ เพื่อรักษาสถานะเครดิตไว้ก่อน แต่หากเป็นยอดเงินจำนวนมากและไม่สามารถชำระได้เลย ควรรีบติดต่อสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าของบัตรกดเงินสด เพื่อแจ้งให้ทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน อาจจะเป็นการขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ พร้อมเตรียมเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สลิปเงินเดือน ใบแจ้งยอดหนี้ เพื่อประกอบการพิจารณา แต่ทางที่ดีที่สุด คือ ควรพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของตัวเองให้ดีก่อนใช้บัตรกดเงินสด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการชำระหนี้ล่าช้าในอนาคตนั่นเอง
บัตรกดเงินสด แผนสำรองทางการเงินชั้นดี ที่ควรมีติดตัว
บัตรกดเงินสดเป็นแผนสำรองทางการเงินชั้นดี เพราะสามารถช่วยให้เราเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที โดยเฉพาะในสถานการณ์ไม่คาดฝัน เช่น กรณีเกิดอุบัติเหตุแล้วต้องการเงินค่ารักษาหรือค่าผ่าตัดแบบเงินก้อน ค่าซ่อมรถ ค่าเทอมบุตรหลาน ค่าซ่อมบ้าน เป็นต้น นอกจากนี้ บัตรกดเงินสดยังสามารถใช้ผ่อนชำระสินค้าได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์สื่อการเรียนออนไลน์ ฯลฯ และอาจมีโปรโมชันหรือสิทธิพิเศษให้กับผู้ถือบัตรด้วย
ยกตัวอย่างเช่น “บัตรกดเงินสดยูเมะพลัส” ที่สามารถใช้กดเงินสดได้ พร้อมคิดดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดแบบลดต้นลดดอกในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% นานถึง 30 วัน* รวมถึงสามารถผ่อนสินค้าร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำและร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ Umay+ ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0%* นานสุดถึง 48 เดือน อีกด้วย พร้อมเลือกจ่ายคืนได้อย่างอิสระ สามารถเลือกจ่ายขั้นต่ำ จ่ายมาก หรือจ่ายทั้งหมดก็ได้ตามต้องการ
หากสนใจสมัครบัตรกดเงินสดยูเมะพลัส สามารถสมัครได้ผ่านสาขาใกล้บ้าน หรือช่องทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่ https://www.umayplus.com/cashcard/applyform หรือดาวน์โหลด Umay+ Application เพื่อสมัครก็ได้เช่นกัน
*เพียงมียอดเบิกถอนเงินสดภายใน 30 วันหลังได้รับการอนุมัติ (เฉพาะยอดเบิกถอนภายในวันแรกเท่านั้น), หลังจบโปรฯ อัตราดอกเบี้ยปรับเป็นปกติ 19.8% หรือไม่เกิน 25% ต่อปี, กรณีผิดนัดชำระจะถูกปรับเป็นอัตราดอกเบี้ยปกติ, ดูเงื่อนไขได้ที่ www.umayplus.com, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว